1. VARCHAR (ย่อมาจาก Variable Character Field อ่านว่า วาร์คาร์ หรือ วาร์ชาร์) หมายถึงกลุ่มข้อมูลตัวอักขระที่ไม่สามารถระบุความยาวได้ คำนี้มักใช้เป็นชนิดข้อมูลในระบบจัดการฐานข้อมูล ชนิดข้อมูลประเภท varchar สามารถเก็บข้อมูลตัวอักขระขนาดเท่าใดก็ได้ที่ไม่เกินความยาวที่จำกัดไว้ การจำกัดความยาวก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละฐานข้อมูล
2. TINYINT : สำหรับเก็บข้อมูลชนิดตัวเลขที่มีขนาด 8 บิต ข้อมูลประเภทนี้เราสามารถกำหนดเพิ่มเติมในส่วนของ "แอตทริบิวต์" ได้ว่าจะเลือกเป็น
3. TEXT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่สามารถเก็บได้มากขึ้น โดยสูงสุดคือ 65,535 ตัวอักษร หรือ 64KB เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลพวกเนื้อหาต่างๆ ที่ยาวๆ
4. DATE : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ โดยเก็บได้จาก 1 มกราคม ค.ศ. 1000 ถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 โดยจะแสดงผลในรูปแบบ YYYY-MM-DD
5. SMALLINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 16 บิต จึงสามารถเก็บค่าได้ตั้งแต่ -32768 ถึง 32767 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 65535 (ในกรณี UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
6. MEDIUMINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 24 บิต นั่นก็หมายความว่าสามารถเก็บข้อมูลตัวเลขได้ตั้งแต่ -8388608 ไปจนถึง 8388607 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 16777215 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
7. INT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 32 บิต หรือสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -2147483648 ไปจนถึง 2147483647 ครับ (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 4294967295 (ในกรณีที่เป็น
UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
8. BIGINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 64 บิต สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -9223372036854775808 ไปจนถึง 9223372036854775807 เลยทีเดียว (แบบคิดเครื่องหมาย)
9. FLOAT : ที่กล่าวถึงไปทั้งหมด ในตระกูล INT นั้นจะเป็นเลขจำนวนเต็ม หากเราบันทึกข้อมูลที่มีเศษทศนิยม มันจะถูกปัดทันที ดังนั้นหากต้องการจะเก็บค่าที่เป็นเลขทศนิยม ต้องเลือกชนิดขอฟิลด์เป็น FLOAT โดยจะเก็บข้อมูลแบบ 32 บิต
10. DOUBLE : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขทศนิยม เช่นเดียวกับ FLOAT แต่มีขนาดเป็น 64 บิต สามารถเก็บได้ตั้งแต่ -1.7976931348623157E+308 ถึง -2.2250738585072014E-308, 0 และ 2.2250738585072014E-308 ถึง 1.7976931348623157E+308
11. DECIMAL : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขทศนิยม เช่นเดียวกับ FLOAT แต่ใช้กับข้อมูลที่ต้องการความละเอียดและถูกต้องของข้อมูลสูง
12. DATETIME : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ และเวลา โดยจะเก็บได้ตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ. 1000 เวลา 00:00:00 ไปจนถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 เวลา 23:59:59 โดยรูปแบบการแสดงผล เวลาที่ทำการสืบค้น (query) ออกมา จะเป็น YYYY-MM-DD HH:MM:SS
13. TIMESTAMP : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ และเวลาเช่นกัน แต่จะเก็บในรูปแบบของ YYYYMMDDHHMMSS หรือ YYMMDDHHMMSS หรือ YYYYMMDD หรือ YYMMDD แล้วแต่ว่าจะระบุค่า M เป็น 14, 12, 8
14. TIME : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทเวลา มีค่าได้ตั้งแต่ -838:59:59 ไปจนถึง 838:59:59 โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบ HH:MM:SS
15. YEAR : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทปี ในรูปแบบ YYYY หรือ YY แล้วแต่ว่าจะเลือก 2 หรือ 4 (หากไม่ระบุ จะถือว่าเป็น 4 หลัก) โดยหากเลือกเป็น 4 หลัก จะเก็บค่าได้ตั้งแต่ ค.ศ. 1901 ถึง 2155 แต่หากเป็น 2 หลัก จะเก็บตั้งแต่ ค.ศ. 1970 ถึง 2069
16. CHAR : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร แบบที่ถูกจำกัดความกว้างเอาไว้คือ 255 ตัวอักษร ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เหมือนกับ VARCHAR หากทำการสืบค้นโดยเรียงตามลำดับ
17. TINYBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี ได้แก่ ไฟล์ข้อมูลต่างๆ, ไฟล์รูปภาพ, ไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น คือไฟล์อะไรก็ตามที่อัพโหลดผ่านฟอร์มอัพโหลดไฟล์ในภาษา HTML โดย TINYBLOB นั้นจะมีเนื้อที่ให้เก็บข้อมูลได้ 256 ไบต์
18. TINYTEXT : ในกรณีที่ข้อความยาวๆ หรือต้องการที่จะค้นหาข้อความ โดยอาศัยฟีเจอร์ FULL TEXT SEARCH ของ MySQL เราอาจจะเลือกที่จะไม่เก็บข้อมูลลงในฟิลด์ประเภท VARCHAR ที่มีข้อจำกัดแค่ 256 ตัวอักษร แต่เราจะเก็บลงฟิลด์ประเภท TEXT แทน โดย TINYTEXT นี้ จะสามารถเก็บข้อมูลได้ 256 ตัวอักษร
19. BLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่สามารถเก็บข้อมูลได้ 64KB
20. MEDIUMBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่เก็บข้อมูลได้ 16MB
21. MEDIUMTEXT : เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่เก็บข้อมูลได้ 16,777,215 ตัวอักษร
22. LONGBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่เก็บข้อมูลได้ 4GB
23. LONGTEXT : เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่เก็บข้อมูลได้ 4,294,967,295 ตัวอักษร
24. SET : สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นกลุ่มของข้อมูลที่ยอมให้เลือกได้ 1 ค่าหรือหลายๆ ค่า ซึ่งสามารถกำหนดได้ถึง 64 ค่า
25. ENUM(Enumeration) >> หมายถึงเซตของข้อมูลชุดหนึ่งที่มีจำนวนสมาชิกที่กำหนดไว้แน่นอนและทราบค่าทุกตัว ซึ่งมักจะเป็นข้อมูลที่มีลักษณะคงที่
26. BINARY ระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
27. BOOL คือข้อมูลที่มีค่าเป็นจริง (True) หรือเท็จ (False)
28. VARBINARY คือ มีลักษณะการเก็บคล้าย Varcha คือการเก็บข้อมูลตามที่รับมาจริงเท่านั้น มีขนาดสูงสุดมากถึง 8000 ไบต์
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
การติดตั้ง Appserv 2.5.9
อันดับแรกไปดาวน์โหลดโปรแกรมที่ http://kitt.kvc.ac.th เข้าไปที่ Download แล้วคลิกที่โปรแกรม appserv 2.5.9 มันจะขึ้นหน้าจอ File download แล้วคลิกคำว่า Save แล้วทำการ Save ว่าจะเอาโปรกรมไว้ที่ไดว์ไหน แล้วคลิก Save รอมันโหลด แล้วไปดับเบิ้ลคลิกที่โปรแกรม Appserv ที่ดาวน์โหลดมา แล้วมันจะขึ้นว่า Welcome to the appserv 2.5.9 แล้วคลิก Next แล้วต่อไปมันจะขึ้นหน้าจอเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ให้คลิก I Agree แล้วมันจะถามว่าจะเก็บไว้ที่ไดว์ไหน แต่มันจะเก็บไว้ที่ ไดว์ C โดยอัตโนมัติ แล้วคลิก Next
แล้วมันจะถามอีกว่าเราจะติดตั้งทั้ง Package นี้มั๊ย แล้วเราก็คลิกทั้งหมด แล้วคลิก Next แล้วมันจะถามเกี่ยวกับ Wed Serv โดยให้เราระบุ ช่องแรกเป็น localhost ช่องที่สอง Admin ช่องที่สามใส่เลข 80
แล้วคลิก Next
หน้าต่อไปมันจะให้ระบุรหัสผ่าน โดยใส่ตัวเลขทั้งสองครั้งให้เหมือนกัน ช่องต่อมาระบุเป็น UTF-8 Unicode แล้วคลิก Install แล้วรอมันโหลด แล้วคลิก Finish ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม
แล้วมันจะถามอีกว่าเราจะติดตั้งทั้ง Package นี้มั๊ย แล้วเราก็คลิกทั้งหมด แล้วคลิก Next แล้วมันจะถามเกี่ยวกับ Wed Serv โดยให้เราระบุ ช่องแรกเป็น localhost ช่องที่สอง Admin ช่องที่สามใส่เลข 80
แล้วคลิก Next
หน้าต่อไปมันจะให้ระบุรหัสผ่าน โดยใส่ตัวเลขทั้งสองครั้งให้เหมือนกัน ช่องต่อมาระบุเป็น UTF-8 Unicode แล้วคลิก Install แล้วรอมันโหลด แล้วคลิก Finish ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Vocabulary database
1. database ดาต้า เบส หมายถึง ฐานข้อมูล ชุดของข้อมูลที่รวมเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันเป็นเรื่องราวเดียวกันรวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นชุดข้อมูล เช่น ฐานข้อมูลนิสิต ฐานข้อมูลค้า และ ฐานข้อมูลวิชาเรียน เป็นต้น
2. DBMS (data base management system) ดาต้า เบส แมนนิทเมท. ซิทเท็ม หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้ หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย
3. Database Administrators : DBAs ดาต้าเบส แอสมินิสทราเตอร์ หมายถึง บุคลากรที่ทำหน้าที่บริการและควบคุมการบริหารงานของระบบฐานข้อมูล ทั้งหมดเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรวบรวมข้อมูลอะไรเข้าในระบบ จัดเก็บโดยวิธีใด เทคนิคการเรียกใช้ข้อมูล กำหนดระบบวิธีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การสร้างระบบข้อมูลสำรอง การกู้และประสานงานกับผู้ใช้ว่ามีความต้องการใช้ข้อมูลอย่างไร รวมถึงการวิเคราะห์และการออกแบบระบบ เพื่อให้นักเขียนโปรแกรมนำไปเขียนโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารงานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. Database Development ดาต้าเบส ดีวีล๊อบเมท. หมายถึงนักวิจัยผู้ที่ทำงานด้านวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา
5. Data Definition Language : DDL ดาต้า ดิฟฟินิชั่น แลงเก็ท เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา (Schema)
6. Data Interrogation ดาต้า อิทโทโรเกชั่น ความสามารถในการสืบค้นฐานข้อมูลเป็นผลประโยชน์หลักของระบบจัดการฐานข้อมูล ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล
7. Graphical and Natural Queries กราฟฟิกเชี่ยว แอน เนทรูรอล ไขวเอ็ท ผู้ใช้หลายรายลำบากที่จะแก้ไขวลีของ SQL และคำถามภาษาฐานข้อมูลอื่นๆ ดังนั้นโปรแกรมสำเร็จรูปฐานข้อมูลส่วนใหญ่จึงเสนอวิธีการชี้และคลิกส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical User Interface : GUI) ซึ่งง่ายต่อการใช้และใช้ซอฟต์แวร์แปลให้เป็นคำสั่ง SQL หรือโปรแกรมสำเร็จรูปอื่นที่อาจใช้ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ที่คล้ายกับการสนทนาภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ
8. Application Development แอ๊ปพิเคชั่น ดิวีล๊อบเมนท. โปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
9. Data Manipulation Language : DML ดาต้า แมนนิทพลูเลชั่น แลงเก็ท การจัดการข้อมูลหมายถึง การเพิ่มข้อมูลใหม่ลงในฐานข้อมูล, การลบข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูล, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูล และการค้นคืนข้อมูลจากฐานข้อมูล
10. Subject Area Database : SADB ซับเจ็ค แอเรียล ดาต้าเบส ฐานข้อมูลซับเจ็กแอเรีย ฐานข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง
11. Analytical Database อะแนลลิทิคอล ดาต้าเบส เก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
12. Multidimensional Database มัลติดิเมนสนอล ดาต้าเบส เป็นฐานข้อมูลที่เข้าถึงโดยระบบประมวลผลเชิงวิเคราะห์แบบต่อตรง
13. Data Warehouses ดาต้า แวร์เฮาส์ เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แก้ไข จัดมาตรฐาน และรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ
14. Distributed Databases ดิสทิบูดเทด. ดาต้าเบส ฐานข้อมูลแบบกระจาย หลายๆ องค์กรทำซ้ำ และกระจายสำเนา หรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่
15. End User Databases เอ็น ยูเซอ ดาต้าเบส ฐานข้อมูลผู้ใช้ ประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง เช่น ผู้ใช้อาจจะมีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ สำเนาที่ได้ดาวน์โหลดจาก World Wide Web จากโปรแกรมสำเร็จรูปประมวลผลคำ
16. Field ฟิวส์ เป็นหน่วยข้อมูลที่ประกอบมาจากอักขระต่าง ๆ หลายอักขฟระ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ประกอบด้วยอักขระหลาย ๆ ตัว
17. Record เรครอท. จะเป็นการนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มาร่วมกัน เช่น เรคอร์ดลฟูกค้า ก็จะเก็บฟิลด์ข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดที่ประกอบด้วยชื่อ ที่อยู่ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
18. Table เทเบิล จะเป็นการนำเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกัน เช่น ตารางลูกค้า จะประกอบด้วยเรอร์ดของลูกค้าที่เป็นลูกค้าแต่ละราย
19. Entity เอ็นทิตี้ เป็นคำที่อ้างอิงถึง บุคคล สถานที่ และสิ่งของต่าง ๆ เช่น สินค้า ใบสั่งซื้อ และลูกค้า เป็นต้น ถ้าเราสนใจในการสร้างระบบฐานข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า
20. InfraStucture Management อินฟรา สตรักเจอ แมนนิทเมนท. หมายถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือ การพัฒนาโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้เกิดความเจริญเติบโตต่างๆทั้งในด้านนโยบายและด้านกายภาพ เช่น ในด้านทรัพย์สินทางปัญญา
2. DBMS (data base management system) ดาต้า เบส แมนนิทเมท. ซิทเท็ม หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้ หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย
3. Database Administrators : DBAs ดาต้าเบส แอสมินิสทราเตอร์ หมายถึง บุคลากรที่ทำหน้าที่บริการและควบคุมการบริหารงานของระบบฐานข้อมูล ทั้งหมดเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรวบรวมข้อมูลอะไรเข้าในระบบ จัดเก็บโดยวิธีใด เทคนิคการเรียกใช้ข้อมูล กำหนดระบบวิธีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การสร้างระบบข้อมูลสำรอง การกู้และประสานงานกับผู้ใช้ว่ามีความต้องการใช้ข้อมูลอย่างไร รวมถึงการวิเคราะห์และการออกแบบระบบ เพื่อให้นักเขียนโปรแกรมนำไปเขียนโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารงานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. Database Development ดาต้าเบส ดีวีล๊อบเมท. หมายถึงนักวิจัยผู้ที่ทำงานด้านวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งในและนอกสถาบันการศึกษา
5. Data Definition Language : DDL ดาต้า ดิฟฟินิชั่น แลงเก็ท เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา (Schema)
6. Data Interrogation ดาต้า อิทโทโรเกชั่น ความสามารถในการสืบค้นฐานข้อมูลเป็นผลประโยชน์หลักของระบบจัดการฐานข้อมูล ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล
7. Graphical and Natural Queries กราฟฟิกเชี่ยว แอน เนทรูรอล ไขวเอ็ท ผู้ใช้หลายรายลำบากที่จะแก้ไขวลีของ SQL และคำถามภาษาฐานข้อมูลอื่นๆ ดังนั้นโปรแกรมสำเร็จรูปฐานข้อมูลส่วนใหญ่จึงเสนอวิธีการชี้และคลิกส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical User Interface : GUI) ซึ่งง่ายต่อการใช้และใช้ซอฟต์แวร์แปลให้เป็นคำสั่ง SQL หรือโปรแกรมสำเร็จรูปอื่นที่อาจใช้ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ที่คล้ายกับการสนทนาภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ
8. Application Development แอ๊ปพิเคชั่น ดิวีล๊อบเมนท. โปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์
9. Data Manipulation Language : DML ดาต้า แมนนิทพลูเลชั่น แลงเก็ท การจัดการข้อมูลหมายถึง การเพิ่มข้อมูลใหม่ลงในฐานข้อมูล, การลบข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูล, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูล และการค้นคืนข้อมูลจากฐานข้อมูล
10. Subject Area Database : SADB ซับเจ็ค แอเรียล ดาต้าเบส ฐานข้อมูลซับเจ็กแอเรีย ฐานข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง
11. Analytical Database อะแนลลิทิคอล ดาต้าเบส เก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
12. Multidimensional Database มัลติดิเมนสนอล ดาต้าเบส เป็นฐานข้อมูลที่เข้าถึงโดยระบบประมวลผลเชิงวิเคราะห์แบบต่อตรง
13. Data Warehouses ดาต้า แวร์เฮาส์ เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แก้ไข จัดมาตรฐาน และรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ
14. Distributed Databases ดิสทิบูดเทด. ดาต้าเบส ฐานข้อมูลแบบกระจาย หลายๆ องค์กรทำซ้ำ และกระจายสำเนา หรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่
15. End User Databases เอ็น ยูเซอ ดาต้าเบส ฐานข้อมูลผู้ใช้ ประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง เช่น ผู้ใช้อาจจะมีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ สำเนาที่ได้ดาวน์โหลดจาก World Wide Web จากโปรแกรมสำเร็จรูปประมวลผลคำ
16. Field ฟิวส์ เป็นหน่วยข้อมูลที่ประกอบมาจากอักขระต่าง ๆ หลายอักขฟระ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ประกอบด้วยอักขระหลาย ๆ ตัว
17. Record เรครอท. จะเป็นการนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มาร่วมกัน เช่น เรคอร์ดลฟูกค้า ก็จะเก็บฟิลด์ข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดที่ประกอบด้วยชื่อ ที่อยู่ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
18. Table เทเบิล จะเป็นการนำเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกัน เช่น ตารางลูกค้า จะประกอบด้วยเรอร์ดของลูกค้าที่เป็นลูกค้าแต่ละราย
19. Entity เอ็นทิตี้ เป็นคำที่อ้างอิงถึง บุคคล สถานที่ และสิ่งของต่าง ๆ เช่น สินค้า ใบสั่งซื้อ และลูกค้า เป็นต้น ถ้าเราสนใจในการสร้างระบบฐานข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า
20. InfraStucture Management อินฟรา สตรักเจอ แมนนิทเมนท. หมายถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือ การพัฒนาโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้เกิดความเจริญเติบโตต่างๆทั้งในด้านนโยบายและด้านกายภาพ เช่น ในด้านทรัพย์สินทางปัญญา
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
Serial Ports
1. Introduction อินทรูดักชั่น การแนะนำ,บทนำ
2. Important อิมพอร์ตแทน สำคัญ
3. Learn เลิน. เรียนรู้
4. Considered คอนซิดเดอร์เรทด. พิจารณา
5. Extarnal เอ็กทราแนล ภายนอก
6. Connections คอนเน็คชั่น การเชื่อมต่อ
7. Intargral อินทราเกล ส่วนประกอบ
8. Connector คอนเคโตร์ ติดต่อ
9. Either อิทเฮอร์ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
10. Originally ออริจิแนลลี่ แหล่งกำเนิด,บ่อเกิด
11. Primary ไพร์แมรี่ สำคัญที่สุด
12. Modem โมเด็ม อุปกรณ์ต่อคอมพิวเตอร์
13. Operating System โอเปอร์เรติ่ง ซิดเท็ม ระบบควบคุมฮาร์ดแวร์
14. Support ซับพอร์ต สนับสนุน
15. Because บีคอร์ส เนื่องจาก,เพราะ
16. Around อะราวด. รอบ ๆ
17. Parallel พาแรลเลอร์ เสมอ,ขนาน
18. Flow โฟลว์ การไหลเวียน
19. Control คอนโทรน ควบคุม
20. Communicates คอมมิวนิเคทส. ส่งข่าวสาร,สื่อสาร
21. Example อิกแซม เพิล ตัวอย่าง
22. Basics เบสิค พื้นฐาน
23. Popular โพรพลูเลอร์ เป็นที่นิยม
24. However ฮาวอีเวอร์ อย่างไรก็ตาม
25. Common คอมมอน ธรรมดา
26. Standard สแตนดาร์ด. มาตรฐาน
27. Data ดาต้า ข้อมูล
28. Capable แคบเพเบิล มีสติปัญญา
29. Sending เซ็นดิ่ง การส่ง
30. Special สเปเชี่ยว พิเศษ
31. Install อินสตอล. ติดตั้ง
32. Inside อินไซด. ภายใน
33. Case เคทส. กรณี
34. Devices ดีไวส. อุปกรณ์
35. Scanner สแกนเนอร์ เครื่องสแกน
36. Assuming แอสซัมมิ่ง สมมุติว่า
37. Accepts แอกเซ็บส. ยอมรับ
38. Design ดีไซด์ ออกแบบ
39. Products โปรดักส. ผลิตภัณฑ์
40. Network เน็ทเวิร์กค. เครือข่าย
41. Converts คอนเวิดท. แปลง
42. Terminal เทอร์มิแนล สุดท้าย,สิ้นสุด
43. Transmit ทรานสมิท. ส่งไป
44. Different ดิฟเฟอร์เรนท. แตกต่าง
45. Management แมนนิทเมนท. การจัดการ
46. History ฮิสโทรรี่ เรื่องราว
47. Memory เมมโมรี่ หน่วยความจำ
48. Display ดิสเพล การแสดง
49. Adapters อะแด็บเตอร์ส. หม้อปลง
50. Universal ยูนิเวอร์ซอล สากล
2. Important อิมพอร์ตแทน สำคัญ
3. Learn เลิน. เรียนรู้
4. Considered คอนซิดเดอร์เรทด. พิจารณา
5. Extarnal เอ็กทราแนล ภายนอก
6. Connections คอนเน็คชั่น การเชื่อมต่อ
7. Intargral อินทราเกล ส่วนประกอบ
8. Connector คอนเคโตร์ ติดต่อ
9. Either อิทเฮอร์ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
10. Originally ออริจิแนลลี่ แหล่งกำเนิด,บ่อเกิด
11. Primary ไพร์แมรี่ สำคัญที่สุด
12. Modem โมเด็ม อุปกรณ์ต่อคอมพิวเตอร์
13. Operating System โอเปอร์เรติ่ง ซิดเท็ม ระบบควบคุมฮาร์ดแวร์
14. Support ซับพอร์ต สนับสนุน
15. Because บีคอร์ส เนื่องจาก,เพราะ
16. Around อะราวด. รอบ ๆ
17. Parallel พาแรลเลอร์ เสมอ,ขนาน
18. Flow โฟลว์ การไหลเวียน
19. Control คอนโทรน ควบคุม
20. Communicates คอมมิวนิเคทส. ส่งข่าวสาร,สื่อสาร
21. Example อิกแซม เพิล ตัวอย่าง
22. Basics เบสิค พื้นฐาน
23. Popular โพรพลูเลอร์ เป็นที่นิยม
24. However ฮาวอีเวอร์ อย่างไรก็ตาม
25. Common คอมมอน ธรรมดา
26. Standard สแตนดาร์ด. มาตรฐาน
27. Data ดาต้า ข้อมูล
28. Capable แคบเพเบิล มีสติปัญญา
29. Sending เซ็นดิ่ง การส่ง
30. Special สเปเชี่ยว พิเศษ
31. Install อินสตอล. ติดตั้ง
32. Inside อินไซด. ภายใน
33. Case เคทส. กรณี
34. Devices ดีไวส. อุปกรณ์
35. Scanner สแกนเนอร์ เครื่องสแกน
36. Assuming แอสซัมมิ่ง สมมุติว่า
37. Accepts แอกเซ็บส. ยอมรับ
38. Design ดีไซด์ ออกแบบ
39. Products โปรดักส. ผลิตภัณฑ์
40. Network เน็ทเวิร์กค. เครือข่าย
41. Converts คอนเวิดท. แปลง
42. Terminal เทอร์มิแนล สุดท้าย,สิ้นสุด
43. Transmit ทรานสมิท. ส่งไป
44. Different ดิฟเฟอร์เรนท. แตกต่าง
45. Management แมนนิทเมนท. การจัดการ
46. History ฮิสโทรรี่ เรื่องราว
47. Memory เมมโมรี่ หน่วยความจำ
48. Display ดิสเพล การแสดง
49. Adapters อะแด็บเตอร์ส. หม้อปลง
50. Universal ยูนิเวอร์ซอล สากล
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552
แบบฝึกหัดบทที่ 6
1. ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของส่วนประกอบและปุ่มต่าง ๆ
1. คือ เฟรม ที่ใช้แสดงลำดับภาพนิ่งแต่ละส่วน
2. คือ ตัวกำหนดเวลาในการแสดงผล (ยิ่งน้อย ยิ่งดูคลาสิก)
2. คือ ตัวกำหนดเวลาในการแสดงผล (ยิ่งน้อย ยิ่งดูคลาสิก)
3. คือ ปุ่มควบคุมการวนซ้ำ ถ้า Forever คือวนรอบไปเรื่อยๆ ถ้าวนรอบ 1 รอบใช้ Once
4. คือ ปุ่มควบคุม ที่ใช้แสดงตัวอย่างของภาพ Animation หรือจะกระโดดไปที่ดฟรมอื่นๆ ตามที่ต้องการใช้
5. คือ ปุ่มสร้างภาพ Animation อย่างต่อเนื่อง ที่โปรแกรมคำนวณเฟรมอยู่ระหว่างเฟรมเริ่มต้นและเฟรมสุดท้าย
6. คือ ปุ่มสร้างเฟรมใหม่ วึ่งจะใช้เมื่อต้องการสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ๆ เข้าไป
7. คือ ปุ่มลบเฟรม เอาไว้ลบเฟรมที่ไม่ต้องการทิ้งไป
4. คือ ปุ่มควบคุม ที่ใช้แสดงตัวอย่างของภาพ Animation หรือจะกระโดดไปที่ดฟรมอื่นๆ ตามที่ต้องการใช้
5. คือ ปุ่มสร้างภาพ Animation อย่างต่อเนื่อง ที่โปรแกรมคำนวณเฟรมอยู่ระหว่างเฟรมเริ่มต้นและเฟรมสุดท้าย
6. คือ ปุ่มสร้างเฟรมใหม่ วึ่งจะใช้เมื่อต้องการสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ๆ เข้าไป
7. คือ ปุ่มลบเฟรม เอาไว้ลบเฟรมที่ไม่ต้องการทิ้งไป
2.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างตัวอักษรเคลื่อนไหวแบบ Fade
1. สร้างไฟล์ขนาด 250*89 pixel, Resolution 72, Mode RGB, Backgroud Write
2. เลือกเครื่องมือ Type Tool จากนั้นคลิกพิมพ์ข้อความ
3. ให้ทำการคัดลอกเลเยอร์ ( Duplicate layer)จนครบอีก 3 อัน และทำการแก้ไขในแต่ละเลเยอร์
4. ไปที่เมนู Windows ---Animation เพื่อทำการเรียกเมนูเคลื่อนไหวออกมา
5. ทำการคัดลอกเฟรมให้ได้ 4 เฟรม โดยไปที่ปุ่ม Duplicates Select Frames
6. กำหนดเวลาทุกเฟรม โดยกด (Shift+คลิกแต่ละเฟรมX) จากนั้นไปที่มุมเวลาเฟรมสุดท้ายคลิกแล้วจะปรากฏเวลาขึ้นมาให้เลือก เลือก 1 วินาที
1. สร้างไฟล์ขนาด 250*89 pixel, Resolution 72, Mode RGB, Backgroud Write
2. เลือกเครื่องมือ Type Tool จากนั้นคลิกพิมพ์ข้อความ
3. ให้ทำการคัดลอกเลเยอร์ ( Duplicate layer)จนครบอีก 3 อัน และทำการแก้ไขในแต่ละเลเยอร์
4. ไปที่เมนู Windows ---Animation เพื่อทำการเรียกเมนูเคลื่อนไหวออกมา
5. ทำการคัดลอกเฟรมให้ได้ 4 เฟรม โดยไปที่ปุ่ม Duplicates Select Frames
6. กำหนดเวลาทุกเฟรม โดยกด (Shift+คลิกแต่ละเฟรมX) จากนั้นไปที่มุมเวลาเฟรมสุดท้ายคลิกแล้วจะปรากฏเวลาขึ้นมาให้เลือก เลือก 1 วินาที
3. ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้าง Gallery ภาพถ่ายให้กับเว็บไซต์
1. สร้างโฟลเดอร์ไว้สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องการ
2. สร้างไฟล์ขนาด 400 pixels*300 pixels แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์
3. ไปที่เมนู file---Automate---Web Photo Dally--จะปรากฏดังจอภาพ
4. เลือกรูปแบบหรือสไตล์ที่ชอบ(ซึ่งจะหฃปรากฏตัวอย่างให้ดู) คลิกเลือกปุ่มโฟลเดอร์แหล่งของภาพที่สร้างไว้ (ข้อ1) คลิกเลือกเส้นทางที่จะเก็บงานที่สร้าง Gally (จะต้องไม่ซ้ำกับโฟลเดอร์แหล่งภาพ) เลือกคุณสมบัติของภาพ แล้วตอบ OK
1. สร้างโฟลเดอร์ไว้สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องการ
2. สร้างไฟล์ขนาด 400 pixels*300 pixels แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์
3. ไปที่เมนู file---Automate---Web Photo Dally--จะปรากฏดังจอภาพ
4. เลือกรูปแบบหรือสไตล์ที่ชอบ(ซึ่งจะหฃปรากฏตัวอย่างให้ดู) คลิกเลือกปุ่มโฟลเดอร์แหล่งของภาพที่สร้างไว้ (ข้อ1) คลิกเลือกเส้นทางที่จะเก็บงานที่สร้าง Gally (จะต้องไม่ซ้ำกับโฟลเดอร์แหล่งภาพ) เลือกคุณสมบัติของภาพ แล้วตอบ OK
แบบฝึกหัดบทที่ 5
1. ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างปุ่มและอักษร 3 มิติ
1.ทำการสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดขนาด 300*135 ความละเอียด 72
2.เลือกเครื่องมือ rectangular tool แดรกเมาส์ตีกรอบสี่เหลี่ยม
3.เลือกเครื่องมือ Gradient Tool เลือกเฉดสีที่จะทำการไล่เฉดสี
4.ย่อเส้นปะเข้ามาอีก 10 จุด โดยไปที่เมนู Select >> Modify >> Contact ใส่ตัวเลข 10 แล้วกดปุ่ง Ok
5.แดรกเมาส์จากขวาไปซ้าย
6.ไปที่เครื่องมือ Type Tool เพื่อทำการพิมพ์อักษร
1.ทำการสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดขนาด 300*135 ความละเอียด 72
2.เลือกเครื่องมือ rectangular tool แดรกเมาส์ตีกรอบสี่เหลี่ยม
3.เลือกเครื่องมือ Gradient Tool เลือกเฉดสีที่จะทำการไล่เฉดสี
4.ย่อเส้นปะเข้ามาอีก 10 จุด โดยไปที่เมนู Select >> Modify >> Contact ใส่ตัวเลข 10 แล้วกดปุ่ง Ok
5.แดรกเมาส์จากขวาไปซ้าย
6.ไปที่เครื่องมือ Type Tool เพื่อทำการพิมพ์อักษร
7.ไปที่เมนู Layer >> Type >> Conveert to Shape จะเห็นกรอบข้อความจากนั้นไปที่ Edit >>
Transform >> Perspective แดรกเมาส์ที่มุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการแล้วกด Enter เมื่อได้ภาพที่ต้องการ
8.ทำอักษรให้นูนโดยไปที่ Layer >> Layer Style >> Bevel and Emboss แล้วก็ปรับเอาตามความต้องการ
Transform >> Perspective แดรกเมาส์ที่มุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการแล้วกด Enter เมื่อได้ภาพที่ต้องการ
8.ทำอักษรให้นูนโดยไปที่ Layer >> Layer Style >> Bevel and Emboss แล้วก็ปรับเอาตามความต้องการ
9.เมื่อปรับเสร็จตามความต้องการแล้วก็กดปุ่ม Ok
2.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างตัวอักษรลำแสง
1.สร้างไฟล์ขึ้นมา ขนาด 500*350 ความละเอียด 100
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool เทสีลงไปตามต้องการ เพื่อเป็น Background
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์ตัวอักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers จากนั้นเปลี่ยนสีตัวอักษรที่ Copy มา หลังจากนั้นทำการซ่อน Layer ที่ Copy มา จากนั้นก็คลิกรวม Layer โดยกดคีย์บอร์ด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> Wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
6.กดคยืบอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers แล้วไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
1.สร้างไฟล์ขึ้นมา ขนาด 500*350 ความละเอียด 100
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool เทสีลงไปตามต้องการ เพื่อเป็น Background
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์ตัวอักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers จากนั้นเปลี่ยนสีตัวอักษรที่ Copy มา หลังจากนั้นทำการซ่อน Layer ที่ Copy มา จากนั้นก็คลิกรวม Layer โดยกดคีย์บอร์ด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> Wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
6.กดคยืบอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers แล้วไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
1.เป็นตัวเชื่อมระหว่าง Layer
2.เป็นส่วนที่ใส่ Effecf เช่น แสง เงา
3.เป็นส่วนที่เพิ่มเติม Mak หรือ เพิ่ม Layer
4.เป็นส่วนที่ใช่ปรัค่าแสงความสว่าง ปรับค่าสี ความคมชัด
5.เป็นส่วนที่สร้าง Fonder สำหรับเก็บ Layer
6.เป็นเครื่องหมายการสร้าง Layer ขึ้นมาใหม่
7.เป็นปุ่มที่ใช่ลบ Layer ที่ไม่ต้องการ
2.เป็นส่วนที่ใส่ Effecf เช่น แสง เงา
3.เป็นส่วนที่เพิ่มเติม Mak หรือ เพิ่ม Layer
4.เป็นส่วนที่ใช่ปรัค่าแสงความสว่าง ปรับค่าสี ความคมชัด
5.เป็นส่วนที่สร้าง Fonder สำหรับเก็บ Layer
6.เป็นเครื่องหมายการสร้าง Layer ขึ้นมาใหม่
7.เป็นปุ่มที่ใช่ลบ Layer ที่ไม่ต้องการ
แบบฝึกหัดบทที่ 4
1. ให้นักศึกษาบอกข้อดีของ Adobe Photoshop CS3 พร้อมทั้งอธิบาย
Singie Column Toolber เมนูนี้เปลี่ยนไปจากCS2 คือมี 2 แถวในเวอร์ชี่น 3 เหลือ แถวเดียว นับว่าประหยัดพื้นที่
Quick Selection เป็นเครื่องมือการเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Black and White ให้ในการเปลี่ยนภาพของคุณให้เป็นโทนขาวดำ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Auto Align และ Auto Blend ช่วยจัดเรียงภาพของคุณที่ใกล้เคียงให้โดยอัตโนมัติ
Bridge ที่พัฒนาใหม่ให้ไฉไลยิ่งขึ้นแตกต่างจากเวิอร์ชั่นจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นต้น
1. Move Tool ใช้ในการเลื่อน Layer และ Gude ต่าง ๆ
2. Marquee Tool ใช้ในการเลือกสี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม ฯลฯ
3. Lasso Tool ใช้ในการเลือกแบบอิสระ
4. Magic Wand Tool ใช้ในการเลือกโดยอาศัยความสว่างและโทนสี
5. Crop Tool ใช้ในการเลือกบางส่วนของรูปภาพ
6. Slice Tool ใช้ในการสร้าง Slice หรือรูปย่อย ๆ
7. Healing Brush Tool ใช้ในการระบายสี ซ่อมแซมรูปภาพให้สมบูรณ์
8. Brush Tool ใช้ในการวาดเส้น
9. Clone Stamp Tool ใช้ในการคัดลอกรูปโดยอาศัยรูปภาพต้นฉบับ
10. History Brush Tool ใช้ในการกลับคืนรูปภาพเดิม
11. Eraser Tool ใช้ในการลบรูปภาพหรือลบบางส่วน
12. Paint Bucket Tool ใช้ในการเติมสี Fill ในบริเวณที่เป็นสีเดียวกัน
13. Smudge Tool ใช้ในการดึงสีให้ไปใกล้กัน
14. Burn Tool ใช้ลดความสว่าง ทำให้ภาพดูมืดลง
15. Pen Tool ใช้ในการลากเส้น path
16. Type Tool ใช้ในการพิมพ์ตัวอักษร
17. Path Selection Path ใช้ในการเลือก Shape หรือ Path
18. Custom Shape Tool ใช้เลือกรูปภาพที่มีรูปร่างเฉพาะ
19. Animations Tool ใช้เขียนโน้ต หรือแนบเสียงไปกับรูปภาพได้
20. Eyedropper Tool ใช้ในการดูดสีจากรูปภาพ
2. Marquee Tool ใช้ในการเลือกสี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม ฯลฯ
3. Lasso Tool ใช้ในการเลือกแบบอิสระ
4. Magic Wand Tool ใช้ในการเลือกโดยอาศัยความสว่างและโทนสี
5. Crop Tool ใช้ในการเลือกบางส่วนของรูปภาพ
6. Slice Tool ใช้ในการสร้าง Slice หรือรูปย่อย ๆ
7. Healing Brush Tool ใช้ในการระบายสี ซ่อมแซมรูปภาพให้สมบูรณ์
8. Brush Tool ใช้ในการวาดเส้น
9. Clone Stamp Tool ใช้ในการคัดลอกรูปโดยอาศัยรูปภาพต้นฉบับ
10. History Brush Tool ใช้ในการกลับคืนรูปภาพเดิม
11. Eraser Tool ใช้ในการลบรูปภาพหรือลบบางส่วน
12. Paint Bucket Tool ใช้ในการเติมสี Fill ในบริเวณที่เป็นสีเดียวกัน
13. Smudge Tool ใช้ในการดึงสีให้ไปใกล้กัน
14. Burn Tool ใช้ลดความสว่าง ทำให้ภาพดูมืดลง
15. Pen Tool ใช้ในการลากเส้น path
16. Type Tool ใช้ในการพิมพ์ตัวอักษร
17. Path Selection Path ใช้ในการเลือก Shape หรือ Path
18. Custom Shape Tool ใช้เลือกรูปภาพที่มีรูปร่างเฉพาะ
19. Animations Tool ใช้เขียนโน้ต หรือแนบเสียงไปกับรูปภาพได้
20. Eyedropper Tool ใช้ในการดูดสีจากรูปภาพ
21. Hand Tool ใช้เลื่อนภาพที่อยู่หน้าต่างเดียวกัน
22. Zoom Tool ใช้ย่อ-ขยายภาพ็็็็็็็็็
22. Zoom Tool ใช้ย่อ-ขยายภาพ็็็็็็็็็
วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วิธีการทำส่วนหัวด้วยอักษรลำแสง
1.ทำการสร้างไฟล์ใหม่ โดยใช่ขนาด กว้าง 1010 สูง 125 ความละเอียด 100
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool (ถังสี) ทำพื้นโดยเลือกสีตามชอบ
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์อักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers เมื่อ Copy เสร็จทำการรวม Layers โดยกด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติก คำว่า wind และ From the Right
(เลเยอร์คลิกอยู่ที่ พื้นหลัง)
6.ทำการตกแต่ง โดยใส่รูปอะไรก็ได้ ตกแต่งจนพอใจ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool (ถังสี) ทำพื้นโดยเลือกสีตามชอบ
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์อักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers เมื่อ Copy เสร็จทำการรวม Layers โดยกด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติก คำว่า wind และ From the Right
(เลเยอร์คลิกอยู่ที่ พื้นหลัง)
6.ทำการตกแต่ง โดยใส่รูปอะไรก็ได้ ตกแต่งจนพอใจ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552
จงจำไว้
รัก..นานๆ มันก็ดี สตรีชอบ
รัก..แล้วหอบ กอบความสุข จุกแน่ๆ
รัก..กับใคร่ ให้แบ่งหนอ อย่าตอแย
รัก..ของแม่ สำคัญกว่า อย่าหลงกล
รัก..แล้วรบ ตบตี ไม่ดีนะ
รัก..แล้วละ ร่วมเตียง เสี่ยงเผาขน
รัก..ของเพื่อน เตือนเอาไว้ ไม่อับจน
รัก..ของคน ช่างสับสน วกวนเวียน
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552
การติดตั้ง Adobe Photoshop CS3
1.. ไปที่ Internet Explorer Browser จากนั้นพิมพ์ ข้อความต่อไปนี้ ที่ Address:kitt.kvc.ac.th/download/PhotoshopCS3.zip
2. โปรแกรมจะถามว่า จะบันทึกที่ไหน ให้คลิก Save ที่ไดร์ C และโปรแกรมจะทำการคัดลอกไฟล์ต้นฉบับมาไว้ที่ไดรฟ์ C
3. เมื่อ Download ไฟล์มาเสร็จ ให้ทำการ UnZip ไฟล์ ก็จะได้ไฟล์ Setup เพื่อดำเนินการติดตั้งให้ดับเบิ้ลคลิ๊กไฟล์ดังกล่าว ซึ่งจะปรากฏดังภาพข้างล้าง(กรณีที่เปิดใช้โปรแกรมอื่นอยู่โปรแกรมจะแจ้งเตื่อนให้ปิดก่อน) จากนั้นให้คลิดที่ปุ่ม Try Again เพื่อลองใหม่อีกครั้ง
4. โปรแกรมจะถามว่า จะยอมรับลิขสิทธิ์ และเงื่อนไขต่างๆตามที่ตกลงหรือไม่(ตอบAccept ยอมรับ)
5. โปรแกรมจะถามเส้นทาง หรือแหล่งที่จะติดตั้งโปรแกรม (ไดรฟ์ต่างๆ ให้เลือกไดรฟ์ c)จากนั้นคลิก Next เพื่อทำงานต่อไป
6. โปรแกรมจะเริ่มทำการติดตั้ง คัดลอกไฟล์ต่างๆ ลงบนไดรฟ์ c (ไดรฟ์ที่เราเลือกเพื่อติดตั้ง)
7. เมื่อติดตั้งเสร็จ (ไม่มีปัญหา) โปรแกรมจะแจ้งว่า Installation Completed ซึ่งแปลว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
8. คลิกปุ่ม Finnish ซึ่งหมายถึงเสร็จสิ้นขั้นตอนกาติดตั้ง จากนั้นเมื่อเลือกใช้โปรแกรมๆจะทำการถามว่า จะใส่โปรแกรม (Serial Number)ซึ่งปกติจะมีมากับแผ่นโปรแกรม โดยให้ใส่เข้าในช่องสีเหลี่ยมแล้วคลิด Next เพื่อนทำงานต่อไป
9. โปรแกรมจะถามเพื่อให้ทำการลงทะเบียนเพื่อ update และรับข้อมูลข่าวสารต่างๆของโปรแกรม ถ้าเราลงทะเบียนก็ให้คลิกใส่ข้อมูลทุกช่อง แล้วคลิกปุ่ม Register Now (ในที่นี้เราไม่ลงทะเบียนให้คลิกปุ่ม Register later)
10. เข้าสู่หน้าจอสุดท้าย ซึ่งเราเลือก Do not register (หมายถึงไม่ลงทะเบียน) แล้วก็คลิกปุ่ม Continue ก็จะเป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม Adobe PhotoshopCS3
2. โปรแกรมจะถามว่า จะบันทึกที่ไหน ให้คลิก Save ที่ไดร์ C และโปรแกรมจะทำการคัดลอกไฟล์ต้นฉบับมาไว้ที่ไดรฟ์ C
3. เมื่อ Download ไฟล์มาเสร็จ ให้ทำการ UnZip ไฟล์ ก็จะได้ไฟล์ Setup เพื่อดำเนินการติดตั้งให้ดับเบิ้ลคลิ๊กไฟล์ดังกล่าว ซึ่งจะปรากฏดังภาพข้างล้าง(กรณีที่เปิดใช้โปรแกรมอื่นอยู่โปรแกรมจะแจ้งเตื่อนให้ปิดก่อน) จากนั้นให้คลิดที่ปุ่ม Try Again เพื่อลองใหม่อีกครั้ง
4. โปรแกรมจะถามว่า จะยอมรับลิขสิทธิ์ และเงื่อนไขต่างๆตามที่ตกลงหรือไม่(ตอบAccept ยอมรับ)
5. โปรแกรมจะถามเส้นทาง หรือแหล่งที่จะติดตั้งโปรแกรม (ไดรฟ์ต่างๆ ให้เลือกไดรฟ์ c)จากนั้นคลิก Next เพื่อทำงานต่อไป
6. โปรแกรมจะเริ่มทำการติดตั้ง คัดลอกไฟล์ต่างๆ ลงบนไดรฟ์ c (ไดรฟ์ที่เราเลือกเพื่อติดตั้ง)
7. เมื่อติดตั้งเสร็จ (ไม่มีปัญหา) โปรแกรมจะแจ้งว่า Installation Completed ซึ่งแปลว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
8. คลิกปุ่ม Finnish ซึ่งหมายถึงเสร็จสิ้นขั้นตอนกาติดตั้ง จากนั้นเมื่อเลือกใช้โปรแกรมๆจะทำการถามว่า จะใส่โปรแกรม (Serial Number)ซึ่งปกติจะมีมากับแผ่นโปรแกรม โดยให้ใส่เข้าในช่องสีเหลี่ยมแล้วคลิด Next เพื่อนทำงานต่อไป
9. โปรแกรมจะถามเพื่อให้ทำการลงทะเบียนเพื่อ update และรับข้อมูลข่าวสารต่างๆของโปรแกรม ถ้าเราลงทะเบียนก็ให้คลิกใส่ข้อมูลทุกช่อง แล้วคลิกปุ่ม Register Now (ในที่นี้เราไม่ลงทะเบียนให้คลิกปุ่ม Register later)
10. เข้าสู่หน้าจอสุดท้าย ซึ่งเราเลือก Do not register (หมายถึงไม่ลงทะเบียน) แล้วก็คลิกปุ่ม Continue ก็จะเป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม Adobe PhotoshopCS3
วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เชื่อเถอะ
อย่ากังวลกับสิ่งที่มี จงใส่ใจกับสิ่งที่เป็น
เราเปลี่ยนสิ่งที่มีไม่ได้หรอก
นอกจากทำให้ดีที่สุด
เราเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่นไม่ได้หรอก
นอกจากทำตัวให้ดีที่สุด
เราเปลี่ยนสิ่งที่มีไม่ได้หรอก
นอกจากทำให้ดีที่สุด
เราเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่นไม่ได้หรอก
นอกจากทำตัวให้ดีที่สุด
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การลงโปรแกรม Nod32 V.4
1. เข้าไปที่เว็บอาจารย์ www.kitt.kvc.ac.th
2. แล้วไปคลิกที่คำว่า ดาวโหลด และหาคำว่า Nod32แล้วคลิก
3. มันจะขึ้นหน้าจออีกแบบหนึ่งดูที่มาของโปรแกรม และดูที่ที่เราจะเก็บโปรแกรม
4. แล้วคลิก Start Download แล้วรอมันโหลด
5. แล้วไปคลิก Five ที่เอาโปรแกรมไปเก็บไว้
6. ดับเบิ้ลคลิก ที่โปรแกรม
7. จะขึ้นหน้าจอให้เราติดตั้ง คลิกคำว่า Next เพื่อเริ่มการติดตั้ง
8. แล้วกคลิ Next ต่อจะพบฟน้าจอ Installation แล้วคลิกเลือกติดตั้งตัวแรก และกด Next
9. คลิก Next ต่อไป
10.คลิกเลือกตัวใดก็ได้ แล้วคลิก Next
11.แล้วคลิก Install เพื่อติดตั้ง และคลิก Next แล้วรอ
12.จะขึ้นหน้าจอ Completing แล้วคลิก Finish
13.เสร็จเรียบร้อยแล้ว
2. แล้วไปคลิกที่คำว่า ดาวโหลด และหาคำว่า Nod32แล้วคลิก
3. มันจะขึ้นหน้าจออีกแบบหนึ่งดูที่มาของโปรแกรม และดูที่ที่เราจะเก็บโปรแกรม
4. แล้วคลิก Start Download แล้วรอมันโหลด
5. แล้วไปคลิก Five ที่เอาโปรแกรมไปเก็บไว้
6. ดับเบิ้ลคลิก ที่โปรแกรม
7. จะขึ้นหน้าจอให้เราติดตั้ง คลิกคำว่า Next เพื่อเริ่มการติดตั้ง
8. แล้วกคลิ Next ต่อจะพบฟน้าจอ Installation แล้วคลิกเลือกติดตั้งตัวแรก และกด Next
9. คลิก Next ต่อไป
10.คลิกเลือกตัวใดก็ได้ แล้วคลิก Next
11.แล้วคลิก Install เพื่อติดตั้ง และคลิก Next แล้วรอ
12.จะขึ้นหน้าจอ Completing แล้วคลิก Finish
13.เสร็จเรียบร้อยแล้ว
การถอนโปรแกรม Nod32 V.4
1. ไปที่ Start มาที่ Control Panel มาที่คำว่า Remove
โปรแกรม แล้วคลิก
2. หาโปรแกรม Nod ไปที่คำว่า เช้ง หรือไม่ก็ออกมาจากน้าจอนั้น
3. แล้วมาคลิกที่ Start เข้า All Program เข้าไปที่ ESET แล้วคลิก Uninstall
4. คลิก Next แล้วคลิกที่ Remove
5. เลือกตัวใดก็ได้ในช่องทีกำหนด แล้วคลิก Next
6. มาที่หน้าจอต่อไป อล้วคลิกคำว่า Remove
7. คลิกปุ่ม Finish และคลิกที่คำว่า Yes เพื่อ Restart เครื่อง
8. เสร็จเรียบร้อยแล้ว
โปรแกรม แล้วคลิก
2. หาโปรแกรม Nod ไปที่คำว่า เช้ง หรือไม่ก็ออกมาจากน้าจอนั้น
3. แล้วมาคลิกที่ Start เข้า All Program เข้าไปที่ ESET แล้วคลิก Uninstall
4. คลิก Next แล้วคลิกที่ Remove
5. เลือกตัวใดก็ได้ในช่องทีกำหนด แล้วคลิก Next
6. มาที่หน้าจอต่อไป อล้วคลิกคำว่า Remove
7. คลิกปุ่ม Finish และคลิกที่คำว่า Yes เพื่อ Restart เครื่อง
8. เสร็จเรียบร้อยแล้ว
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การลง Windows xp 2009
วิธีการลง Windows XP
1. เปิดเครื่อง สั่ง BIOS ให้ boot จาก CD-ROM หลังจาก exit และ save BIOS แล้วเครื่องจะ restart
2. ใส่ แผ่น windows XP เข้าไปใน CD-ROM Drive
3. จะพบข้อความ press any key to boot from CD.. ให้กดปุ่ม enter เพื่อ boot เครื่องจาก CD-ROM Widows XP
4. จะมีการ copy ไฟล์หรือข้อมูลบางส่วน แล้วรอ
5. เมื่อพบหน้าต่าง welcome to setup ให้เริ่มติดตั้งได้ทันทีโดยกดปุ่ม enter เพื่อทำข้นตอนต่อไป
6. จะปรากฏข้อความเกี่ยวกับการใช้งาน windows XP (หน้าจอเขียนว่า Windows XP Licensing) ให้กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับรายละเอียดดังกล่าว
7. พอมาถึงขั้นตอนนี้ จะเป็นการเลือกติดตั้ง Windows XP ลงใน partition ใด น้องจะพบคำสั่งให้เลือก 3 แบบคือ-ติดตั้งใน partition ที่เลือกไว้ ให้ กด enter-สร้าง partition ใหม่กด C-ลบ partition นั้นกด Dพี่สมมติว่าน้องจะเลือกลงใน partition ที่เลือกไว้คือ Drive C นะ ให้น้องกด Enter เพื่อติดตั้งที่ Drive C
8. เลือกระบบไฟล์ที่ต้องการ โดยกดปุ่มลูกศรขึ้นลง แนะนำว่าเลือกตัวเลือกที่ 3 หรือ 4 ครับ หลังจากนั้นกด enter
9. ปรากฏหน้าจอให้ format (to continue and format the partition ,press enter) ให้กด enter
10. Windows จะเริ่ม format
11. หลังจาก format แล้วมันก็จะ copy ข้อมูลลงใน HD
12. หลังจากนั้นปรากฏหน้าจอ This partition of setup has completed……ให้กดปุ่ม enter เพื่อ restart เครื่อง
13. หลังจากเครื่องเริ่ม restart อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกว่าจะขึ้นหน้าจอ Windows CP Professional
14. จะเห็นวินโดว์ตรวจสอบค่าต่างๆ พร้อมทั้งบอกข้อดี
15. รอ แล้วจะปรากฏหน้าต่าง Regional and language Option ออกมา
16. คลิ๊กที่แท็บ languages
17. คลิ๊กถูกที่ข้อความ install files for complex scipt….แล้วตอบ OK และคลิ๊กถูกที่ install files for East Asian language แล้วตอบ OK
18. จากนั้น คลิ๊กที่แท็บ advanced
19. เลือกภาษาไทย แล้วกด Apply เครื่องจะ copy ไฟล์ font ภาษาไทย
20. หลังจากนั้นคลิ๊กที่แท็บ regional option แล้วเลือกไทย location ก็เลือกเป็น Thailand
21. คลิ๊ก next
22. จะปรากฏหน้าต่าง personalize Your software ตั้งชื่อตามใจที่ต้องการ ส่วนช่อง Organization เลือกพิมพ์เป็นอะไรก็ได้
23. คลิ๊ก next
24. กรอกหมายเลขแผ่น windows XP ซึ่งมี 25 ตัว
25. คลิ๊ก next
26. กรอกชื่อ computer ของเรา ที่ช่อง computer name
27. ตั้ง password หรือไม่ตั้งก็ได้
28. คลิ๊ก next
29. ตั้งวันที่ให้ตรง ที่ time zone เลือก GMT +7 Bangkok
30. คลิ๊ก next
31. เลือการติดตั้งแบบ Typical
32. คลิ๊ก next
33. กรอกข้อมูลเครือข่ายกรณีที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยใส่ชื่อเครือข่ายเรา ถ้ามี modem มันก็ให้ set ค่าต่างๆ ขณะนั้นเลย
34. คลิ๊ก next และรอต่อไปจนกระทั่งมัน restart ใหม่
35. อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกระทั่งมันขึ้น logo Windows Xp professional
36. ถ้าเครื่องเป็น VGA on Board มันก็จะปรับขนาดจอภาพให้จนขึ้นมองได้ชัดเจนแล้วให้กด OK แต่ถ้าเป็น VGA ต่างหากมันจะข้ามขั้นตอนนี้ไป
37. จะปรากฏหน้าจอ Welcome to………. .ให้คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
38. หากต่อ internet มันจะเชื่อมต่อ internet เพื่อ update แนะนำว่าข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยโดยคลิ๊กที่ skip ซึ่งอยู่ด้านล่างขวา
39. จะปรากฏหน้าจอ ready to register with ….. ให้เลือก No, not this time
40. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
41. จะปรากฏหน้าจอ who will use this computer? ให้กรอกชื่อผู้ใช้ซึ่งมีให้กรอก 5 users แต่กรอกชื่อเดียวได้โดยชื่อนั้นห้ามซ้ำกับชื่อเครื่องที่ตั้งไว้ในข้อ 26
42. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
43. คลิ๊ก finish ด้านล่างขวา เป็นอันเสร็จ
44. หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าจอใช้งาน เราสามารถเพิ่ม icon ใช้งานอื่นๆได้โดย คลิ๊กขวาบริเวณพื้นที่ว่างเลือก properties แล้วคลิ๊กที่แท็บ Desktop แล้วคลิ๊ก Customize Desktop (อยู่ใกล้ๆ ปุ่ม OK) จะปรากฏหน้าต่างDesktop Item ที่แท็บ general ให้คลิ๊กถูกที่ Desktop icon ที่ต้องการโชว์บนหน้า Desktop หลังจากนั้นคลิ๊ก OK เป็นอันเรียบร้อย
1. เปิดเครื่อง สั่ง BIOS ให้ boot จาก CD-ROM หลังจาก exit และ save BIOS แล้วเครื่องจะ restart
2. ใส่ แผ่น windows XP เข้าไปใน CD-ROM Drive
3. จะพบข้อความ press any key to boot from CD.. ให้กดปุ่ม enter เพื่อ boot เครื่องจาก CD-ROM Widows XP
4. จะมีการ copy ไฟล์หรือข้อมูลบางส่วน แล้วรอ
5. เมื่อพบหน้าต่าง welcome to setup ให้เริ่มติดตั้งได้ทันทีโดยกดปุ่ม enter เพื่อทำข้นตอนต่อไป
6. จะปรากฏข้อความเกี่ยวกับการใช้งาน windows XP (หน้าจอเขียนว่า Windows XP Licensing) ให้กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับรายละเอียดดังกล่าว
7. พอมาถึงขั้นตอนนี้ จะเป็นการเลือกติดตั้ง Windows XP ลงใน partition ใด น้องจะพบคำสั่งให้เลือก 3 แบบคือ-ติดตั้งใน partition ที่เลือกไว้ ให้ กด enter-สร้าง partition ใหม่กด C-ลบ partition นั้นกด Dพี่สมมติว่าน้องจะเลือกลงใน partition ที่เลือกไว้คือ Drive C นะ ให้น้องกด Enter เพื่อติดตั้งที่ Drive C
8. เลือกระบบไฟล์ที่ต้องการ โดยกดปุ่มลูกศรขึ้นลง แนะนำว่าเลือกตัวเลือกที่ 3 หรือ 4 ครับ หลังจากนั้นกด enter
9. ปรากฏหน้าจอให้ format (to continue and format the partition ,press enter) ให้กด enter
10. Windows จะเริ่ม format
11. หลังจาก format แล้วมันก็จะ copy ข้อมูลลงใน HD
12. หลังจากนั้นปรากฏหน้าจอ This partition of setup has completed……ให้กดปุ่ม enter เพื่อ restart เครื่อง
13. หลังจากเครื่องเริ่ม restart อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกว่าจะขึ้นหน้าจอ Windows CP Professional
14. จะเห็นวินโดว์ตรวจสอบค่าต่างๆ พร้อมทั้งบอกข้อดี
15. รอ แล้วจะปรากฏหน้าต่าง Regional and language Option ออกมา
16. คลิ๊กที่แท็บ languages
17. คลิ๊กถูกที่ข้อความ install files for complex scipt….แล้วตอบ OK และคลิ๊กถูกที่ install files for East Asian language แล้วตอบ OK
18. จากนั้น คลิ๊กที่แท็บ advanced
19. เลือกภาษาไทย แล้วกด Apply เครื่องจะ copy ไฟล์ font ภาษาไทย
20. หลังจากนั้นคลิ๊กที่แท็บ regional option แล้วเลือกไทย location ก็เลือกเป็น Thailand
21. คลิ๊ก next
22. จะปรากฏหน้าต่าง personalize Your software ตั้งชื่อตามใจที่ต้องการ ส่วนช่อง Organization เลือกพิมพ์เป็นอะไรก็ได้
23. คลิ๊ก next
24. กรอกหมายเลขแผ่น windows XP ซึ่งมี 25 ตัว
25. คลิ๊ก next
26. กรอกชื่อ computer ของเรา ที่ช่อง computer name
27. ตั้ง password หรือไม่ตั้งก็ได้
28. คลิ๊ก next
29. ตั้งวันที่ให้ตรง ที่ time zone เลือก GMT +7 Bangkok
30. คลิ๊ก next
31. เลือการติดตั้งแบบ Typical
32. คลิ๊ก next
33. กรอกข้อมูลเครือข่ายกรณีที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยใส่ชื่อเครือข่ายเรา ถ้ามี modem มันก็ให้ set ค่าต่างๆ ขณะนั้นเลย
34. คลิ๊ก next และรอต่อไปจนกระทั่งมัน restart ใหม่
35. อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกระทั่งมันขึ้น logo Windows Xp professional
36. ถ้าเครื่องเป็น VGA on Board มันก็จะปรับขนาดจอภาพให้จนขึ้นมองได้ชัดเจนแล้วให้กด OK แต่ถ้าเป็น VGA ต่างหากมันจะข้ามขั้นตอนนี้ไป
37. จะปรากฏหน้าจอ Welcome to………. .ให้คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
38. หากต่อ internet มันจะเชื่อมต่อ internet เพื่อ update แนะนำว่าข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยโดยคลิ๊กที่ skip ซึ่งอยู่ด้านล่างขวา
39. จะปรากฏหน้าจอ ready to register with ….. ให้เลือก No, not this time
40. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
41. จะปรากฏหน้าจอ who will use this computer? ให้กรอกชื่อผู้ใช้ซึ่งมีให้กรอก 5 users แต่กรอกชื่อเดียวได้โดยชื่อนั้นห้ามซ้ำกับชื่อเครื่องที่ตั้งไว้ในข้อ 26
42. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
43. คลิ๊ก finish ด้านล่างขวา เป็นอันเสร็จ
44. หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าจอใช้งาน เราสามารถเพิ่ม icon ใช้งานอื่นๆได้โดย คลิ๊กขวาบริเวณพื้นที่ว่างเลือก properties แล้วคลิ๊กที่แท็บ Desktop แล้วคลิ๊ก Customize Desktop (อยู่ใกล้ๆ ปุ่ม OK) จะปรากฏหน้าต่างDesktop Item ที่แท็บ general ให้คลิ๊กถูกที่ Desktop icon ที่ต้องการโชว์บนหน้า Desktop หลังจากนั้นคลิ๊ก OK เป็นอันเรียบร้อย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)